หลังจากที่ทยอยเปิดให้บริการในบางประเทศไปได้ซักพัก ก็เริ่มข้อมูลตัวเกมที่ได้จากผู้เล่นต่างๆออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการฟักไข่ ข้อมูลไอเทม ฯลฯ วันนี้ผมก็เลยรวบรวมข้อมูลน่ารู้ต่างๆมาเสิร์ฟให้เพื่อนๆถึงที่ ตอนเกมเปิดอย่างเป็นทางการเราจะได้ลุยกันแบบไร้กังวลครับ
ณ ตอนนี้(วันที่ 11 ก.ค. 2559) Pokemon Go ยังไม่เปิดให้บริการในไทยนะครับ

ดูรีวิว เกมเพลย์ และเริ่มผจญภัยตามจับโปเกมอนไปกับผมได้ที่ >> Click Here
เข้าไปพูดคุยเกี่ยวกับ Pokemon Go ได้ที่ >> www.facebook.com/groups/875644639207375
สเปคเครื่องที่ Pokemon Go ต้องการ
สำหรับอุปกรณ์ iOS
- รองรับ iOS 8.0 ขึ้นไป
- รองรับตั้งแต่ iPhone 5 ขึ้นไป
- ต้องการใช้อินเตอร์เนต 3G, 4G, Wi-Fi
- ต้องมี GPS และเปิด Location Services
สำหรับ Android
- รองรับ Android 4.4 ไปจนถึง Android 6.0.1
- มือถือต้องมีหน้าจอความละเอียด 720x1280 พิกเซล
- ต้องการใช้อินเตอร์เนต 3G, 4G, Wi-Fi
- ต้องมี GPS และเปิด Location Services
ปล. ณ ตอนนี้สมาร์ทโฟนที่ใช้ชิปประมวลผล Intel จะเล่นไม่ได้
มาเข้าสู่โลก Pokemon Go กันเลย
1. ใครอยากได้ปิกาจูบ้างตอนเริ่มเกมบ้าง?

เริ่มเกมมาจะมีตัวเริ่มต้นให้เลือกจับได้ 3 ตัวคือ Bulbasaur, Charmander, Squirtle แต่ทว่ามันมีความลับซ่อนอยู่ นั่นก็คือเราสามารถเลือกจับ Pikachu เป็นตัวเริ่มต้นได้ด้วย เพียงแค่ตอนที่ตัวเริ่มต้นทั้ง 3 ตัวขึ้นมาให้จับ แต่เราไม่ต้องจับ ให้เดินหนีไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีปิกาจูเพิ่มเข้ามาให้จับนั่นเองครับ(น่าจะประมาณ 3-4 รอบ) เท่านี้ก็เลือกได้เลยว่าจะจับตัวไหนเป็นตัวเริ่มต้น
เดินหนีตัวสตาร์ทเตอร์ทั้ง 3 ตัวไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีปิกาจูโผล่มา ถ้านึกไม่ออกลองดูวิดีโอด้านล่างนี้ครับ
2. ทำยังไงให้โปเกมอนเราเก่ง

หลังจากที่เราได้โปเกมอนตัวแรกกันมาแล้ว ก็มาเรียนรู้เมนูคำสั่งต่างๆกันต่อ ซึ่งในภาคนี้ก็มีระบบการเล่นที่แปลกใหม่พอสมควร เน้นการจับโปเกมอนมากกว่าการต่อสู้และสิ่งที่เราต้องรู้หลักๆคือดังนี้ครับ
- CP (Combat Point)
หรือง่ายๆก็คือค่าพลังความเก่งของโปเกมอนนั่นเอง ยิ่งสูงก็ยิ่งเก่งครับ(ที่เห็นชัดเจนก็คือจะมีค่า HP สูงตามค่า CP)
- Stardust และ xxx Candy
เกมนี้จะไม่มีให้เราต่อสู้เพื่อเก็บเลเวล การพัฒนาโปเกมอนให้เก่งขึ้นนั้นทำได้ด้วยการ Power Up ซึ่งต้องใช้ Stardust และ xxx Candy ของโปเกมอนตัวนั้นๆครับ ซึ่งทั้งStardust และ xxx Candy ก็จะได้จากการจับโปเกมอนนั่นเองครับ(จับโปเกมอน 1 ตัว จะได้ Stardust 300 และ xxx Candy ของตัวนั้นๆ 3 ชิ้น)
นอกจากการ Power Up แล้ว ถ้าโปเกมอนตัวนั้นๆสามารถพัฒนาร่างได้ ก็จะสามารถใช้ xxx Candy ในการ Evolve เพื่อพัฒนากลายเป็นร่างต่อไปได้ด้วยครับ

และถ้าเราจับโปเกมอนซ้ำๆมาเยอะๆแล้วไม่ได้ใช้ เราสามารถกดส่ง Transfer ไปให้ด็อกเตอร์ได้(ง่ายๆก็คือทิ้งนั่นแหล่ะ) แล้วจะได้ xxx Candy เป็นของตอบแทนมา 1 อันครับ
ปล. xxx แทนชื่อของโปเกมอนแต่ละตัวครับ
ปล2. ดังนั้นเกมนี้เราต้องจับโปเกมอนกันแหลกลาญเพื่อจะเอา Stardust และ xxx Candy มาไว้พัฒนาโปเกมอนของเรานั่นเองครับ
3. การจับโปเกมอน

ก่อนอื่นก็ต้องบอกว่า ณ ตอนนี้ Pokemon Go จะมีโปเกมอนอยู่ทั้งหมด 151 ตัวให้สามารถจับได้นะครับ ซึ่งจะมาจาก Pokemon Gen 1 นั่นเอง ส่วนในอนาคตจะมีเพิ่มเมื่อไหร่ก็คงต้องรอทางผู้พัฒนาอัพเดทตัวเกมครับ(ซึ่งผมว่าน่าจะนานพอควรเลยหล่ะ)

จริงๆแล้วการจับนั้นดูเหมือนจะไม่ยากอะไรมาก แค่ลากนิ้วโยนลูกบอลไปให้โดนโปเกมอน แต่บางทีที่เราคิดว่าโดนแน่ๆ มันกลับทะลุผ่านตัวไปเฉยๆซะอย่างงั้น นั่นก็เพราะว่ามันมีรายละเอียดมากกว่านั้นครับ ซึ่งวิธีการปาบอลให้มีประสิทธิภาพสูงสุดก็คือ หลังจากกดที่ลูกบอลค้างไว้แล้ว ให้สังเกตุวงกลมสีๆ ถ้าวงกลมสีๆยิ่งเล็กยิ่งมีโอกาสปาบอลโดนมากยิ่งขึ้นครับ และทำให้มีโอกาสจับติดมากขึ้น ส่วนจะจับได้หรือไม่ได้ก็ขึ้นอยู่กับโปเกมอนที่เราเจอด้วยครับ(ยิ่งค่าพลังสูงก็ยิ่งยาก)
นอกจากนั้นในเรื่องการปาบอล ถ้าเราปาเข้าเป้าก็จะได้โบนัสเป็นค่าประสบการ์ณเล็กน้อยด้วย(จะขึ้นว่า Excellent, Great, Nice เป็นต้น) หรือถ้าใครคล่องๆหน่อยก็ปาลูก
โค้งก็จะได้ XP เพิ่มเช่นกัน
จะรู้ได้ไงว่าโปเกมอนตัวไหนจับง่ายหรือยาก? อันนี้สังเกตได้จากสีของวงกลมครับ ซึ่งจะมีด้วยกันดังนี้
- สีเขียว จับง่าย แทบจะไม่ดิ้นหลุดออกมาจากบอล
- สีเหลือง มีโอกาสดิ้นหลุดจากบอลเล็กน้อย
- สีส้ม มีโอกาสดิ้นหลุดจากบอลสูง
- สีแดง จับยากมาก มีโอกาสจับได้ต่ำ

ปล. พอเล่นไปเลเวลสูงๆก็จะได้ลูกบอลดีๆมากขึ้น ก็ส่งผลให้อัตราจับติดดีขึ้นไปตามลูกบอลที่ใช้ด้วยครับ
ปล2. ยิ่งเลเวลตัวเราเยอะ เราก็จะเจอโปเกมอนที่มีค่าพลังสูงและจับยากขึ้นเช่นกัน
4. PokeStop

นับเป็นสิ่งสำคัญอีกอย่างของเกมนี้ที่ไม่แพ้การตามจับโปเกมอนเลยก็ว่าได้ เพราะ PokeStop จะเป็นจุดเชคอินที่พอไปถึงแล้วเราจะมีโอกาสได้ไอเทมและลูกบอลแบบฟรีๆนั่นเองครับ โดยสัญลักษณ์ของ PokeStop ก็จะเป็นเหมือนลูกบาศก์สีฟ้าๆ และพอเราเข้าไปใกล้ๆก็จะเปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์เหมือนลูก Poke Ball แล้วพอกดเข้าไปก็จะเป็นชื่อสถานที่ พอเราหมุนก็จะได้ไอเทมมาครับ (ตามภาพ)
และของที่มีโอกาสได้จาก PokeStopก็มีดังนี้ครับ

5. item
ก็มาดูกันว่าไอเทมตอนนี้มีอะไรบ้าง และแต่ละอันจะเอาไว้ใช้ทำอะไร หาได้จากไหน

6. Gym

ระบบยิมจะสามารถเปิดใช้งานได้เมื่อตัวเราเลเวล 5 แล้วไปที่ยิม ซึ่งครั้งแรกก็จะมีให้เราเลือกทีมว่าจะเลือกอยู่ทีมไหน(มี 3 ทีมคือ Team Instinct(สีเหลือง), TeamMystic(สีน้ำเงิน) และ Team Valor(สีแดง) ชอบทีมไหนก็เลือกอันนั้นครับ หรือไม่ก็คุยกับเพื่อนที่เล่นก่อนว่าเลือกสีไหน และตรงนี้แหล่ะครับ ที่เราจะสามารถใช้โปเกมอนที่เราฝึกฝนมาเนิ่นนาน เพื่อมาต่อสู้และยึดยิมนั่นเองครับ

การต่อสู้ในยิมเมื่อเราเป็นฝ่ายไปบุก เราสามารถเลือกโปเกมอนไปต่อสู้ได้ 6 ตัว สามารถสลับสับเปลี่ยนตัวระหว่างสู้ได้ การต่อสู้กะให้เราแตะที่โปเกมอนของศัตรูเพื่อโจมตีด้วยท่าแรก ระหว่างนั้นโปเกมอนเราก็จะสะสมเกจฟ้า และพอเกจฟ้าถึงตามที่สกิล 2 ต้องการ ก็สามารถโจมตีด้วยสกิล 2 ได้ครับ และนอกจากนั้นก็สามารถหลบการโจมตีของศัตรูด้วยการปัดนิ้วไปทางซ้ายหรือขวาได้ครับ(แต่ผมหลบไม่เคยพ้นเลย)

ส่วนเรื่องการป้องกันยิม เมื่อเราชนะแล้วยืดยิมมาได้(หรือโชคดีไปยึดยิมมาก่อนตอนยังไม่มีคน) เราสามารถตั้งโปเกมอนเฝ้ายิมไว้ได้ 1 ตัว ซึ่งพอเอาไปตั้งป้องกันยิมแล้วเราจะไม่สามารถใช้งานโปเกมอนตัวนั้นได้ แต่ในขณะเดียวกันมีคนมาบุกยิมเราแล้วไม่ชนะ เลเวลยิมก็จะสูงขึ้น ทำให้ผู้เล่นในทีมเราสามารถมาเฝ้ายิมได้เพิ่มขึ้น ทำให้ยิมเราแข็งแกร่งมากขึ้นนั่นเองครับ

และข้อดีอีกอย่างของการมียิมก็คือ ถ้าเราเฝ้ายิมได้ครบ 21 ชั่วโมง เราก็จะได้โบนัสเป็น Stardust และ Coin ด้วยครับ
7. Eggs
นอกเหนือจากการจับแล้ว อีกหนึ่งช่องทางที่ทำให้เราได้โปเกมอนก็คือการฟักไข่นั่นเองครับ โดยเราสามารถได้ไข่มาจากการสุ่มใน PokeStop ซึ่งเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามันจะฟักออกมาเป็นตัวอะไร แต่จะมีบอกแค่ว่า 2km, 5km , 10km ซึ่งถ้าต้องการจะฟักไข่ก็กดใช้ Egg Incubator ได้ที่มุมขวาล่างในหน้าจอ Eggs แล้วจะเป็นอย่างที่เห็นตามภาพครับ

และก็ไม่ต้องงงกันนะครับว่า 2km, 5km , 10km คืออะไร เพราะวิธีการฟักไข่ของเกมนี้ก็คล้ายๆในภาคหลักเลย คือเราต้องออกเดินทางให้ได้ตามระยะทางที่กำหนด ไข่ถึงจะฟักออกมาเป็นตัวนั่นเองครับ(เห็นเค้าบอกกันว่าต้องเดินหรือปั่นจักรยาน หรือไม่ก็ขับรถแบบจำกัดความเร็วไม่เกิน 20 กม./ชม. มันถึงจะนับให้ด้วยนะเอ้อ)
และอย่างที่บอกไว้ก็คือ จะออกมาเป็นตัวอะไรนั้นไม่มีใครรู้ แต่ก็พอเดาได้ว่าตัวที่ใช้ระยะทางเยอะๆต้องเป็นตัวหายากและเก่งแน่ๆ ซึ่งผมก็มีข้อมูลมาให้ดูด้วยว่า ไข่ระยะทางเท่าไหน มีโอกาสฟักออกมาเป็นตัวอะไรบ้าง ตามนี้เลยครับ

สำหรับวันนี้ก็เอาไว้เท่านี้ก่อนนะครับ ถ้ามีอะไรเด็ดๆจะมาเพิ่มเติมให้ครับ หวังว่าข้อมูลต่างๆคงจะมีประโยชน์กับเหล่าเทรนเนอร์ไม่มากก็น้อย และถ้ามีตรงไหนผิดพลาดก็ช่วยคอมเม้นไว้ด้วยนะครับ จะได้มาแก้ไขครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก serebii